อยู่ญี่ปุ่นมาได้สักพัก ต่อไปนี้คือสิ่งที่เกิดจากการสังเกตแล้วสรุปมาได้

  • ของหลายๆอย่างมักใช้ร่วมกัน เช่น ตระกร้าใส่ร่ม วางลงไปแล้วก็มั่ว ไม่รู้ของใครเป็นของใคร หรือห้องอาบน้ำ ไม่มีการแยกเป็นห้องย่อยๆ อาบรวมครับ
  • กับคนไม่ค่อยสนิทคนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยเริ่มพุดด้วย ถ้าเราไม่เริ่มก่อน อันนี้อาจมาจากเรื่องภาษาก็เป็นได้
  • ประเทศญี่ปุ่นห้ามคุยโทรศัพท์บนรถไฟ แต่คนก็เอาขึ้นมากดๆดูอะไรไม่รู้ตลอดเวลา
  • คนญี่ปุ่นหลับบนรถไฟได้เหมือนอยู่บ้าน บางคนยืนหลับก็ได้
  • ในรถไฟญี่ปุ่น มีกิจกรรมอยู่ 4 อย่าง 1. คุยกับเพื่อนที่มาด้วยกัน 2. กดโทรศัพท์มือถือตัวเอง (แต่ไม่คุย) เหมือนไม่มีใครอยู่ข้างๆ เหมือนเป็นโลกส่วนตัว ไม่ก็เล่นเกมกด 3. อ่านหนังสือ 4. นอน
  • คนญี่ปุ่นทักทายคนอื่นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันถึงแม้จะไม่รู้จัก กลุ่มเดียวกันในที่นี้หมายถึง เช่นอยู่หอเดียวกัน ทำงานชั้นเดียวกัน อยู่แผนกเดียวกัน อยู่ในหอไม่รู้จักกันหรอก แต่ก็ยังพูดสวัสดีตอนเช้าเนื่องจากเป็นคนในกลุ่มเดียวกัน
  • คนญี่ปุ่นมักพูดขอโทษทั้งๆที่ไม่จำเป็น อันนี้ถือเป็นเรื่องดี เนื่องจากหากมีอะไรขัดใจกัน มันจะนุ่มลงได้ง่าย ถึงแม้จะไม่มีอะไรขัดใจ คนญี่ปุ่นบางทีก็พูดขอโทษในความหมายว่าขอบคุณ เช่น เราลุกให้คนแก่นั่งในรถไฟ ส่วนใหญ่คนแก่จะตอบด้วยคำว่าขอโทษ ประมาณว่าขอโทษทีนะที่ต้องทำให้คุณลุกให้
  • คนญี่ปุ่นไม่ตอบ "ไม่" เวลาจะพูดว่าไม่ แต่จะตอบประมาณว่าไม่เป็นไร ไม่ก็บอกเหตุผลเลย คนฟังจะคิดได้ว่าด้วยเหตุผลนั้น เขาหมายความว่า ไม่ นั่นแหละ เช่น เราชวนคนญี่ปุ่นไปกินข้าว เขาจะตอบประมาณว่าวันนี้ที่บ้านทำกับข้าวไว้แล้ว
  • คนญี่ปุ่นสร้างโลกส่วนตัวได้ถึงแม้ว่าจะมีคนมากมายอยู่รอบด้าน เช่นในรถไฟ คนแน่นขนาดว่าประตูปิดจะไม่ได้อยู่แล้ว ก็ยังมีคนเอาหนังสือขึ้นมาอ่านได้
  • อาหารบางอย่างในญี่ปุ่นที่เขาว่าเผ็ด มาเมืองไทยน่าจะเรียกว่าหวาน การรับรสของคนญี่ปุ่นไม่เหมือนกับพวกเรา อันนี้คงมาจากว่าคนญี่ปุ่นไม่ค่อยกินเผ็ดมากนัก มีเพื่อนญี่ปุ่นคนนึงกินกิมจิแล้วเหงื่อแตก เขาบอกว่ากิมจิ "เผ็ด" ถ้าไปถามคนไทยผมว่าคนไทยคงบอกกิมจิ "เปรี้ยว" มากกว่าบอกว่าเผ็ด
  • อาหารญี่ปุ่นที่จัดมาเป็นชุดส่วนใหญ่จะ simple มาก เช่น ข้าวกับเนื้อ แล้วก็จบ ไม่มีผักอะไรเลย อันนี้อาจจะเพราะซื้อในโรงเรียนก็เป็นได้ เนื่องจากมันถูก มันเลยได้แค่นั้น
  • เวลามีปาร์ตี้ เครื่องดื่มแก้วแรกของทุกคนจะเป็นเบียร์ ไม่มีใครบังคับ แต่เขาเป็นแบบนี้ของเขา จะไม่ตามก็ได้ ก็แค่เบียร์ทั้งโต๊ะแล้วเราดื่มอย่างอื่นคนเดียว ซึ่งมันจะดูแปลกๆ
  • คนญี่ปุ่นเวลาเลิกงานก่อนกลับจะพูดว่า お疲れ様 (o tsu ka re sa ma) ไม่รู้ความหมายจริงคืออะไร แต่เท่าที่เข้าใจคือ ใช้พูดในกลุ่มเดียวกันหลังจากที่ร่วมมือกันทำอะไรเสร็จ น่าจะมีความหมายประมาณว่า Thank you for your hard work คำนี้ใช้พูดที่หอด้วยเวลากลับถึงหอตอนเย็น
  • ร้านข้าวญี่ปุ่น ถ้าไม่ใช่ร้านหรู เมนูจะไม่มีรูป จะมีแต่ชื่ออาหารกับราคา อันนี้ลำบากหน่อยสำหรับคนมาอยู่ใหม่ แต่ต่อให้อยู่นานจนอ่านออก บางทีก็ไม่รู้ว่าคืออะไรอยู่ดี เช่น พวกชื่อปลา
  • ร้านข้าวบางร้านในญี่ปุ่นเป็นร้านยืนกิน เนื่องจากไม่มีที่จะวางเก้าอี้ให้นั่งกิน
  • คนญี่ปุ่นมักจะหลับในสัมมนา เวลามีสัมมนาแล็บ คนในแล็บจะเข้าฟังทุกคน แต่คนที่ไม่หลับน่าจะมีแค่ครึ่งนึง แล้วครึ่งของคนเหล่านั้นก็เล่นคอม
  • คนสูงอายุในญี่ปุ่นมักจะขี้บ่น อันนี้ไม่รู้เกี่ยวกับประเทศรึป่าว อาจจะเป็นทุกที่ก็ได้ แต่เจอมาหลายทีแล้ว เช่น อยู่ที่สถานีรถไฟ อยู่ดีๆก็มีคนแก่มาคุยด้วย แกมาพูดเรื่องพาสเตอร์แปะแผลที่จมูก (เผอิญวันนั้นติดพาสเตอร์) อันนี้อาจจะไม่ใช่บ่นก็ได้ เขาอาจจะเป็นห่วง อีกอันคือป้าที่ขายข้าวที่โรงอาหาร ที่โรงอาหารเวลาสั่งข้าวสามารถบอกขนาดได้ S, M, L วันหนึ่งสั่งไปว่าขอข้าวแกงกะหรี่ M ป้าไม่ทำให้ ยืนเฉย แล้วตอบว่าข้าวแกงกะหรี่มีแต่ขนาด M  คนได้ยินแบบนี้คนคิดเหมือนกันคือ ป้าแกคงได้ยินผิดเป็นขนาดอื่น แกเลยบอกว่ามีแต่ขนาด M แน่นอนเราก็พูดอีกทีว่าข้าวแกงกะหรี่ขนาด M ป้าแกยืนเฉย ตอบกลับเหมือนเดิมด้วย งงกันใหญ่ สุดท้ายได้ความว่า ประเด็นของป้าแกคือ ถ้าจะเอาขนาด M (ขนาดปกติ) น่ะ ไม่ต้องบอกขนาดก็ได้ เพราะมันเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าไม่บอกแปลว่า M อีกอย่างคือ ข้าวแกงกะหรี่ก็มีแต่ M เท่านั้น ยิ่งไม่ต้องบอกเข้าไปใหญ่ อ่อ... ด้วยเหตุผลนี้ป้าเลยไม่ทำให้ เอาแต่ยืนบ่นอะนะ? อันนี้ไม่ค่อยเข้าใจ ทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่
  • ที่ญี่ปุ่นในบางเวลา รถไฟบางตู้จะกันไว้ให้แต่ผู้หญิงขึ้นเท่านั้น ผู้ชายต้องไปขึ้นตู้อื่น
  • รถไฟญี่ปุ่นไม่ห้ามกินอาหาร
  • คนดูแลหอที่ญี่ปุ่นทำหน้าที่เหมือน คนรักษาความปลอดภัยบ้านเรา จะนั่งอยู่ในห้องใกล้ๆกับประตูหอ ใครเข้าออกต้องผ่านหน้าห้องนี้ ที่ต่างกับบ้านเราคือคนดูแลหอมีอำนาจสั่งการได้ พูดง่ายๆเขาคือผู้จัดการหอนั่นแหละ แต่ลงมาเฝ้าเอง และส่วนใหญ่คนดูแลพวกนี้จะเป็นผู้สูงอายุ จะโหดและขี้บ่น เดินผ่านไม่ทักก็จะบ่น เดินเสียงดังก็บ่น เดินมากับเพื่อนให้เพื่อนกดปิดไฟให้ก็บ่น บ่นว่าทำไมไม่ปิดเอง

แรกๆก็ดี หลังๆเหมือนรู้สึกว่าตัวเองบ่น จบแค่นี้ก่อนละกัน